วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เตรียมการรองรับภัยพิบัติของมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา


เตรียมการรองรับภัยพิบัติ...ของมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา

จริง ๆ แล้ว เรื่องจานบิน เรื่องมนุษย์ต่างดาว เรื่องการมาติดต่อสื่อสาร การมาเตรียมการ การมาแจกอุปกรณ์เพื่อสะดวกในการสื่อสารกับมนุษย์มากขึ้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ย่อมเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากทั้งสิ้น  

ดังนั้น แม้แต่มนุษย์ต่างดาวที่ให้ทางกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เผยแพร่เรื่องราวเหล่านี้ออกสู่สาธารณะให้บุคคลภายนอกได้รับรู้  ก็ยังมิได้มีจุดมุ่งหมายให้เชื่อในทันที   เพราะเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก   จึงเป็นการ
" แจ้งเพื่อทราบ " เท่านั้น 
 
เปรียบเสมือนหน่วยดับเพลิง เมื่อไม่ใช่เวลาปฏิบัติงาน เขาก็ใช้ชีวิตเป็นปกติ เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่ว ๆ ไปนี่แหละ แต่เขาย่อมมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการดับเพลิงมากกว่าบุคคลธรรมดา มีการฝึกซ้อม มีความพร้อม ทั้งกำลังกาย กำลังใจ ซึ่งดูภายนอกเราอาจมองไม่เห็นความแตกต่างอะไร 

เมื่อมีการแจ้งให้ทราบว่า หน่วยดับเพลิง ตั้งอยู่ที่นี่ แจ้งเหตุฉุกเฉินได้ตามหมายเลขนี้ เราก็ได้รับทราบ รับรู้ แม้จะไม่ได้สนใจก็ตาม แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ในหมู่บ้าน สิ่งที่เราจะนึกถึงก่อนเป็นอันดับแรกก็คือ หน่วยดับเพลิง เพราะรู้ว่าเขาทำหน้าที่อะไร และแจ้งได้ที่ไหน

ในขณะที่ทุกคนต้องวิ่งหนีออกจากไฟ แต่นักดับเพลิงต้องวิ่งเข้าไปหาไฟ ต้องเข้าช่วยคนที่ติดอยู่ข้างใน เข้าไปฉีดน้ำสกัดเพลิง ในวินาทีนั้น เขาต้องใช้ทั้งกำลังกาย กำลังใจ ความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือโดยไม่ห่วงชีวิตตนเอง และมันก็เป็นอัตโนมัติของผู้ทำหน้าที่เช่นนี้ โดยมีอุปกรณ์คือชุดป้องกันไฟในการเข้าไปช่วยชีวิตผู้ที่ติดอยู่ในกองไฟ ภายในอาคารนั้น 

ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องไปรับรู้ก็ได้ว่า เขามีขั้นตอนการทำงานกันอย่างไร เขาต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรไปบ้าง เขาเตรียมการอย่างไรเมื่อไฟไหม้ วิธีการช่วยเหลือต้องทำอย่างไร หรือเขามีวิธีการฝึกซ้อมกันมาอย่างไรจึงไม่กลัวที่จะเข้าไปในกองเพลิงนั้น สิ่งเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องทราบก็ได้ในบุคคลโดยทั่วไป แค่รับทราบผ่าน ๆ ก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ควรรู้ไว้ก็คือ มี หน่วยดับเพลิง ตั้งอยู่ที่ตรงนี้ และทำหน้าที่ดับเพลิงเมื่อเกิดไฟไหม้เท่านั้นก็พอ


ซึ่งสิ่งที่ยกตัวอย่างมานี้ มนุษย์ต่างดาวได้เคยเปรียบเทียบให้ฟัง ซึ่งใช้ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม 

ทางโลกก็คือได้ 
" แจ้งเพื่อทราบ "  ไว้ว่า กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา) เป็นกลุ่มที่ทำหน้าที่รับข้อมูลการสื่อสารมาจากมนุษย์ต่างดาว ซึ่งภารกิจนี้ก็เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงานระหว่างมนุษย์ต่างดาว กับมนุษย์โลก และเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือในเวลาที่เกิดวิกฤตกับโลกใบนี้ ดัวยเทคโนโลยีจากมนุษย์ต่างดาว  ซึ่งโลกใบนี้ วิกฤตการณ์เรื่องของภัยพิบัติ ไม่ใช่เป็นเรื่องของบุคคลใด บุคคลหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของส่วนรวมของมนุษย์โลก 

ดังนั้น คนที่จะต้องมาทำงานเรื่องของภัยพิบัติ ก็ย่อมต้องมีจำนวนมากด้วย มิใช่แค่คนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มเดียว แต่ทำอย่างไรจึงจะสามารถให้คนกลุ่มใหญ่สามารถรับทราบข้อมูล รับทราบข่าวสาร รับทราบกระบวนการช่วยเหลือภัยพิบัตินี้ได้โดยทั่วถึงกันได้ เพราะมีมากถึง 5,000 คนทั่วโลก  ดังนั้น จึงต้องมีการตั้งทีมงานไว้ก่อนล่วงหน้า มีการวางแผน มีการเตรียมการ มีการแจกงานกันมาตั้งแต่ก่อนที่จะมาเกิดแล้ว มีการขันอาสามาทำงานเฉพาะกิจในครั้งนี้ ซึ่งมนุษย์ต่างดาวได้บอกไว้แล้วว่า เขาเตรียมการเรื่องการช่วยเหลือภัยพิบัติไว้เป็น 3 ช่วง คือตั้งแต่ก่อนเกิด ขณะเกิด และฟื้นฟูหลังการเกิดภัยพิบัติ จะนำมาอธิบายซ้ำอีกครั้ง


.................................................



ก่อนเกิดภัยพิบัติ 

ก็มีการมาวางแผนงาน วางโครงการ เตรียมกลุ่มบุคคลที่ต้องสื่อสาร เตรียมสถานที่ไว้หลายแห่งโดยการสร้างเครื่องป้องกันรังสี สำรวจแหล่งอาหารเพื่อเตรียมการช่วยเหลือ บางแห่งอาจต้องมีการช่วยเหลือที่มากกว่าจุดอื่น ๆ เช่นบริเวณริมทะเล ที่จุดอื่นต้องจมไป แต่จุดช่วยเหลือจุดนั้นต้องตั้งอยู่ไม่ได้จมตามจุดอื่น ๆ ก็เพราะต้องมีการใช้เทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวเข้าไปเสริม มีการสร้างระบบป้องกันที่ต้องมากกว่าจุดอื่นทั่ว ๆ ไปนั่นเอง เพื่อป้องกันมิให้จม มิให้กระทบ และสามารถตั้งอยู่ตรงจุดนั้นได้ 

และมนุษย์โลกก็ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ว่าทำอย่างไร เพราะถึงบอกไปก็ไม่อาจเข้าใจได้เพราะเทคโนโลยีของมนุษย์ยังไปไม่ถึง  ซึ่งบางท่านที่ทำเกี่ยวกับเรื่องของภัยพิบัติ ก็จะพอทราบว่า มีบางจุดเตรียมสร้างจุดให้ความช่วยเหลือเรื่องของภัยพิบัติที่ริมทะเลบ้าง สมุทรปราการบ้าง ชลบุรีบ้าง ภาคใต้ชายทะเล หรือแม้แต่ราชบุรี กาญจนบุรีก็ตาม ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นที่ปลอดภัย แต่ทำไมคนสร้างจึงได้รับการสื่อสารมาว่า ที่นี่ปลอดภัยให้สร้างเป็นจุดหลบภัยได้ ทั้ง ๆ ที่มองภายนอกย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปลอดภัย  

แต่สิ่งเหล่านี้ ผู้ที่ได้รับการสื่อสารเพื่อสร้างที่แต่ละแห่งในจุดเสี่ยงภัยนั้น ย่อมตระหนักดี และมีความมั่นใจว่าจะปลอดภัยได้จริง และจุดเหล่านั้นเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อเป็นที่รองรับบุคคลในส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้น และไม่สามารถที่จะเดินทางไปยังจุดอื่นในภาคต่าง ๆ ได้ ดังนั้น ในระยะนี้ จะเห็นการสร้างสถานที่หลบภัยขึ้นจำนวนมาก ในจุดเสี่ยงภัย และจุดที่คิดว่าปลอดภัย และในแต่ละจุด มนุษย์ต่างดาวก็จะมีการเตรียมการให้การช่วยเหลือไว้แล้วแทบทั้งสิ้น แม้ว่าจุดนั้น เขาจะไม่รู้เรื่องของมนุษย์ต่างดาวเลยก็ตาม 


ขณะเกิดภัยพิบัติ 

มนุษย์ต่างดาวก็ยังคงให้ความช่วยเหลือ ในรูปแบบต่าง ๆ จะเห็นจานบิน บินกันให้ว่อน เพราะมนุษย์ไม่สามารถมียานพาหนะใด ๆ ไปช่วยเหลือกันเองได้แล้ว จะอยู่กันเป็นจุด ๆ เป็นกลุ่ม ๆ ตามแหล่งต่าง ๆ ตามป่าเขา กลางทะเล เมื่อเกิดพร้อมกันทั่วโลก ก็จะไม่มีใครสามารถช่วยเหลือใครได้ เขาก็ต้องให้การช่วยเหลือในทุก ๆ ด้าน 

ไม่ว่ามนุษย์จะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้ มนุษย์ต่างดาวได้เคยกล่าวไว้แล้วเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโครงการเดียวกันกับที่สื่อสารกับมนุษย์ในประเทศไทย ซึ่งได้แจ้งให้มนุษย์โลกได้รับทราบผ่านทางต่างประเทศไปแล้ว ในบทความบางส่วนจากหนังสือจานบินวิเคราะห์ ในเรื่องการเตรียมการลงจอดโดยสื่อสารจาก  
ทอม 

...............

"ในการเตรียมงานตามแผนที่หนึ่งคือการลงจอดบนพิภพโลก กลุ่มผู้แทนจากหน่วยงานใหญ่ได้เข้าสำรวจสภาวะและสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลไว้เรียบร้อยแล้วเรื่องยูเอฟโอที่พวกมนุษย์ตกใจและพากันสงสัยนั่น คือยานของพวกที่มาทำการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการประเมินผลการทดลองและทดสอบข้อมูลต่าง ๆได้กระทำสำเร็จไปแล้วหลายเรื่องเราเตรียมการทุกอย่างเพื่อดำเนินเข้าสู่แผนที่หนึ่ง เมื่อเวลานั้นมาถึง ปฏิบัติการลงสู่พื้นพิภพจะทำให้มนุษย์ส่วนหนึ่งตกใจและเกิดปฎิกิริยาโต้ตอบอย่างรุนแรง เราได้ศึกษาแล้วว่าช่วงเวลานั้นจะไม่กินเวลานานเท่าใดความกระทบกระเทือนจะไม่ก่อให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงมากถึงกับเกิดการเสียหายหรือเกิดสภาพที่เรียกว่า "สังคมช้อค" มนุษย์จะยอมรับพวกที่มาลงโดยดี" 
"พูดถึงจานบินผมอยากทราบว่ามันเป็นอะไรกันแน่"ดร.แอนดริจาถามต่อไป 
"ส่วนใหญ่แล้ว ยานบินที่มาปรากฎบนโลกของท่านเป็นยานบินของพวกสมาชิกกลุ่มสากล
มาจากดวงดาวหลายแห่งยานพวกนี้มาในรูปแบบของวัตถุที่เป็นมวลสารแต่มียานบินของพวกเราบางครั้งได้ถูกส่งมาเพื่อปฏิบัติการบางอย่าง ยานพวกนี้เป็น "เครื่องจักรไร้มวลสาร" (Non physical) 
" ในการติดต่อครั้งนี้ จุดประสงค์ใหญ่คือเราต้องการทำโครงการเพื่อเตรียมมนุษย์โลกให้พร้อมเพื่อรับการลงสู่พิภพ..... การลงจอดของยานที่พวกท่านเรียกว่า "จานบิน" ...ตามโครงการนี้ การลงจอดจะใช้เวลา 9 วัน ตามเวลาบนโลกของท่าน ในช่วงเวลา 9 วัน ท่านจะเห็นยานบินของพวกเราลงจอดทั่วไปตามจุดกำหนดที่จะบอกให้ทราบต่อไป การลงสู่พื้นพิภพโลกจะกระทำด้วยยานบินหลายประเภทยานส่วนมากจะอยู่บนผิวพื้นโลกเพื่อดำเนินงานตามโครงการแผนขั้นที่ 2 คือการติดต่อกับผู้นำของพวกท่านทั่วโลก เพื่อดำเนินการตามแผนขั้นที่ 3 ต่อไป" 


...........

นี่เป็นข้อความบางส่วนจากการบันทึกของการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว    ซึ่งเป็นโครงการเดียวกันกับเขากะลานี้ โดยได้ทำการติดต่อกับทั่วโลก มีการแจ้งให้ทราบไว้เป็นหลักฐานแล้วก่อนหน้านั้นนับสิบๆปี 

ดังนั้นใน ขณะเกิดภัยพิบัติ มนุษย์ต่างดาวก็ยังคงให้ความช่วยเหลือ และผู้ที่จะต้องเข้าร่วมงานกับมนุษย์ต่างดาวในขณะนั้น ก็คือผู้ที่ได้รับการสื่อสารผ่านอุปกรณ์ที่มนุษย์ต่างดาวติดตั้งไว้ให้นั่นเอง ไม่ว่าผู้นั้นจะทราบหรือไม่ทราบ แต่ในเวลาที่เกิดวิกฤต ก็จะสามารถรับรู้ข่าวสารข้อมูลในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งการรับข้อมูลนั้นจะมีความเข้าใจในข้อมูลได้เลย โดยไม่ต้องใช้การแปล  และเป็นผู้นำในพื้นพิภพ ที่จะนำผู้อื่นไปยังจุดปลอดภัยยังที่ต่าง ๆ ที่ได้มีการตระเตรียมเอาไว้แล้ว

 มนุษย์ต่างดาวได้บอกไว้นานแล้วว่า จะต้องมีผู้นำบนพื้นพิภพโลก ในการให้ความช่วยเหลือบุคคลอื่น และรับข้อมูลเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ด้วยกัน เพราะมนุษย์ต่างดาวจะไม่สามารถเดินลงมาจากยานอวกาศได้เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ได้ในเวลานั้น แต่ต้องใช้มนุษย์ที่ขันอาสามานี้เป็นผู้รับข้อมูล รับอุปกรณ์ในการช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ให้มนุษย์ด้วยกัน


ดังนั้น หลายคนที่มาสัมผัสกับกลุ่มเขากะลา ก็เริ่มพบเจอเรื่องแปลก ๆ เรื่องมิติ เรื่องจานบิน เรื่องมนุษย์ต่างดาว การเห็นวัตถุแปลก ๆ การฝันเห็นจานบิน เห็นมนุษย์ต่างดาว ซึ่งคนที่ได้เคยมีประสบการณ์การพบเรื่องราวแปลกๆต่าง ๆหลากหลายรูปแบบนั้น ก็อาจเป็นผู้ที่ได้ขันอาสามาทำงานในโครงการนี้ และอาจจะเป็นผู้นำบนพื้นพิภพในช่วงเวลาวิกฤตนั้นก็เป็นได้ 

เพราะบางคนก็จะเริ่มมีการติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารเพื่อทดลองใช้งานในแต่ละรูปแบบ จึงได้มีการพบเจอเรื่องแปลก ๆ กันบ่อยมากขึ้น แต่ทั้งหลายทั้งปวง ก็ไม่เกินไปจาก การทำตัวอย่าง ไว้ให้ดูแล้วกับกลุ่มที่ถูกฝึกให้เรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ของมนุษย์ต่างดาวโดยตรงนั่นก็คือกลุ่มเขากะลา 

ดังนั้น ทุกคนที่มีประสบการณ์เช่นว่านี้ก็สามารถสอบถาม และเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นตัวอย่างกับท่านอื่น ๆ ที่เริ่มพบเจอด้วยตัวเอง มากขึ้น และบ่อยขึ้น เพื่อผู้คนต่าง ๆ เหล่านั้นจะได้รับทราบและนำไปเทียบเคียง ดีกว่าคิดว่าตนเองเพี้ยนอยู่คนเดียว นี่เป็นขั้นตอนขณะเกิดภัยพิบัติ ที่มนุษย์ต่างดาว ก็ยังอยู่ให้ความช่วยเหลือ และสื่อสารผ่านบุคคลจำนวนมาก เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นเป็นตัวแทนของมนุษย์บนโลกนี้  ยิ่งได้ฟัง ก็ยิ่งยากจะเชื่อได้ นอกจากบางท่านที่ได้เคยพบเห็นจานบินมากก่อน พบเจอปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่อธิบายไม่ได้บ่อยครั้งเข้า ก็เริ่มที่จะสังเกต และค้นหาว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร เพราะสิ่งเหล่านี้หากไม่ได้ประสบด้วยตนเอง ก็ยากที่จะเชื่อได้ เพราะไม่สามารถหาสิ่งใดมาเทียบเคียง จึงลงความเห็นว่า เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องจริง  มนุษย์ต่างดาวจึงทำได้เพียง ให้ 
"แจ้งเพื่อทราบ" เท่านั้น  


.........................................



หลังการเกิดภัยพิบัติ 
จะมีการช่วยเหลือต่อเนื่อง จนสามารถที่จะอยู่ได้ด้วยตนเอง และจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ก่อนที่จะกลับไปยังดวงดาวของเขา เพราะเขาบอกไว้แล้วว่า ไม่สามารถอยู่ได้บนโลกใบนี้ เมื่อหมดภารกิจ ก็จะกลับไปเพื่อช่วยเหลือยังดาวดวงอื่น ๆ ต่อไป 

และมนุษย์ผู้ที่จะรับการถ่ายทอดทั้งด้านเทคโนโลยี และพัฒนาทางจิตควบคู่กันไปนั้น จะเป็นผู้ฟื้นฟูดาวดวงนี้ในรุ่นต่อ ๆ ไป จะเห็นว่าผู้ที่ยังเป็นเด็กอยู่ในขณะนี้ หรือเด็กรุ่นหลังนี้ หลายต่อหลายคน เราจะพบว่าบางคนมีความพิเศษเฉพาะตัวมาตั้งแต่เกิด มีการพบเห็น มีการรับรู้เรื่องของมนุษย์ต่างดาว มีเซ้นท์มาตั้งแต่เกิด และสามารถรับการสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวในรูปแบบต่าง ๆ เช่นเห็นจานบิน เห็นวัตถุแปลก ๆ สนใจวาดภาพจานบิน สนใจเรื่องมนุษย์ต่างดาว ฝันเห็นมนุษย์ต่างดาว หรือรับข้อมูลเองได้เลย มาตั้งแต่เด็ก ๆ 

เด็กที่มีเซ้นท์พิเศษต่าง ๆ เหล่านี้แหละจะเป็นรุ่นต่อไปที่จะได้รับการถ่ายทอดทั้งทางเทคโนโลยี และทางจิตควบคู่กันไป นี่เป็นการแจ้งเพื่อทราบ ในขั้นตอนการช่วยเหลือ ตั้งแต่ก่อนเกิด ขณะเกิด และหลังเกิด ซึ่งคุณจะเชื่อหรือไม่ มนุษย์ต่างดาวก็ยังคงดำเนินโครงการต่อไปอยู่นั่นเอง 

และที่มนุษย์ต่างดาวให้ 
"แจ้งเพื่อทราบ" ไว้ล่วงหน้า เพราะในขณะนี้เขาได้เริ่มมีการเปิดตัวมากขึ้น จึงมีการพบเห็นจานบินของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก มีการพบเจอปรากฏการณ์แปลก ๆ มากขึ้น มีการฝันซ้ำ ๆ ในเรื่องเดียวกันบ่อยครั้ง มีการรับการสื่อข้อมูลเข้ามาในบางท่านได้ มีการพบเจอมิติหลากหลายรูปแบบ จึงได้มีการทำตัวอย่าง ไว้มากมายในหลายกลุ่ม หลายบุคคล และหลายสถานที่ เพราะเมื่อท่านใดพบเจอเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่ทราบว่าจะไปถามใคร ณ จุดนี้ที่เขากะลาและกลุ่มประสานงานฯ ก็เป็นจุดที่สามารถอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับท่านได้ ดังนั้นจึงต้องทำการแจ้งให้ทราบในเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้ก่อนเป็นเบื้องต้น


.......................................



มนุษย์ต่างดาวกับงานภัยพิบัติ

... มนุษย์ต่างดาว ...ก็เป็นผู้รู้เรื่องของภัยพิบัติอีกกลุ่มหนึ่งเช่นกัน ที่มาทำหน้าที่เตรียมการเพื่อช่วยเหลือมนุษย์บนโลกใบนี้ แต่อาจจะแตกต่างไปบ้างตรงที่ มีทั้งกายละเอียด และยังมีกายเนื้อด้วย แต่ในขั้นปฏิบัติงานก็ต้องใช้กายมนุษย์โลกเป็นผู้ขับเคลื่อน เป็นผู้ปฏิบัติการสื่อสารกับมนุษย์ด้วยกัน เพราะมนุษย์ย่อมไว้ใจมนุษย์ด้วยกัน หากลงมาในรูปร่างของมนุษย์ต่างดาว ยากที่มนุษย์จะเข้าใจว่าเขามาเพื่อช่วยเหลือ 

ดังนั้น  จึงต้องเตรียมการจัดหากลุ่มบุคคลรองรับไว้ เพื่อส่งข้อมูลข่าวสารผ่านกลุ่มบุคคลเหล่านี้ที่ได้มีการวางไว้แล้ว ดังนั้นการเตรียมการจึงค่อนข้างซับซ้อน หลากหลาย เพราะต้องมีการฝึกหลายรูปแบบ ทั้งการปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าใจกฎของธรรมชาติ ฝึกสติ ฝึกสมาธิ เพื่อการปล่อยวาง ฝึกสื่อสารฯ เพื่อแยกข้อมูลที่มาจากต่างดาว และฝึกการประมวลพลังเพื่อรับรู้เทคโนโลยีไฮเทค ในรูปแบบพลังงานที่ใช้งานได้จริง ดังนั้น จึงต้องมีการเตรียมการฝึกล่วงหน้าหลายปี ก่อนที่จะเข้าสู่ระบบทำงานจริง

แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้แตกต่างไปจากกลุ่มอื่น ๆ ก็คือการทำงานเรื่องของภัยพิบัติเช่นเดียวกัน มีการเตรียมการเหมือนกัน และมีผู้รู้เรื่องของภัยพิบัติเป็นผู้ดำเนินการสื่อสารข้อมูลมาให้เหมือนกัน ดังนั้น จึงไม่ได้มีความแตกต่างกันในจุดมุ่งหมาย การที่แต่ละกลุ่มมาพบเจอ มาสนิทสนม มาช่วยเหลือซึ่งกันและกันในงานเกี่ยวกับภัยพิบัตินั้น จึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง 

ผู้ที่ทำงานเรื่องของภัยพิบัติ จึงต้องเปิดใจให้กว้าง มองให้เห็นในภาพรวม เพราะทุกกลุ่ม ทุกจุด การเตรียมการจะไม่มีผิด ไม่มีถูก จะไม่มีใครดีกว่าใคร จะไม่มีการเปรียบเทียบ เพราะเป็นงานคนละอย่าง คนละรูปแบบ 

เหมือนเช่นเครื่องยนต์ ทุกชิ้นสำคัญหมด ลูกสูบ จานจ่าย เบรก คลัช ทุกอย่างสำคัญ แต่ถ้าไม่มีหัวเทียน รถก็วิ่งไม่ได้ หรือแม้กระทั่งน๊อต ถ้าไม่มีน๊อตยึดทุกอย่างเข้าด้วยกัน ก็หลุดเป็นชิ้น ๆ ใช้งานไม่ได้เท่าเทียมกัน ดังนั้น แม้แต่น๊อต ก็มีความสำคัญในงานของน๊อตเช่นกัน 

การเตรียมการเรื่องภัยพิบัติก็เช่นกัน จะมีความหลากหลาย จะมีการทำงานในรูปแบบที่ไม่เหมือนกันทั้งหมด เพียงแต่รับทราบไว้ว่ากลุ่มนี้เตรียมการเรื่องนี้ กลุ่มนี้ปฏิบัติอย่างนี้ กลุ่มนี้ช่วยเหลือด้านนี้ กลุ่มนี้สื่อสารด้านนี้ แล้วสิ่งที่ทุกกลุ่มดำเนินการเตรียมงานไว้จะมารวมกันเองเมื่อถึงเวลา

ก็เป็นข้อมูลเพื่อให้มองเห็นภาพโดยรวมในมุมกว้างของเรื่องภัยพิบัติ ที่มนุษย์ต่างดาวได้สื่อสารข้อมูลมาให้ เพื่อที่เมื่อมีความเห็นถูกต้อง ก็จะลดการเปรียบเทียบว่า กลุ่มเราเตรียมการอย่างนี้ดีกว่ากลุ่มเขา กลุ่มนั้นสร้างสถานที่ใหญ่โตกว่ากลุ่มเรา กลุ่มเรามีคนมากกว่ากลุ่มเขา กลุ่มนั้นไม่เห็นเตรียมอะไรเลยรับข้อมูลอย่างเดียว กลุ่มนั้นฝึกอะไรไม่รู้จะรอดกันไหมเนี่ย 

ถ้าเห็นผิด ความทุกข์ก็หาโอกาสหลอกกินได้ตลอดเวลา ถ้าเราเป็นโรงงานผลิตน๊อต เราก็ผลิตน๊อตของเราให้ดีที่สุด นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ต้องไปสนใจว่าแล้วชิ้นส่วนตัวถังรถยนต์มันจะผลิตดีไหม ลูกสูบ เฟืองท้ายจะได้มาตรฐานหรือไม่ เพราะถึงห่วงไป เราก็ไม่ใช่ผู้ผลิตชิ้นส่วนเหล่านั้นอยู่ดี ทำน๊อตของเราให้ดีที่สุดนั่นแหละถูกต้องแล้ว เพราะเมื่อประกอบเป็นรถยนต์ขึ้นมา ชิ้นส่วนในโรงงานเราก็เป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์คันนั้นและมีประสิทธิภาพเสียด้วย


ดังนั้น คนส่วนใหญ่ที่เถียงกันไม่จบไม่สิ้น ก็เพื่อจะบอกว่า ของฉันดีกว่าของเธอ ฝึกอย่างฉันดีกว่าฝึกอย่างเธอ ก็เพราะทุกคนตั้งอยู่ในความเห็นของตนเองว่า สิ่งที่เราทำดีที่สุด ถูกที่สุด นั่นเอง

ถ้ามาลองมองในมุมกว้างดูบ้าง ก็จะเห็นความเป็นเช่นนั้นเองของแต่ละกลุ่ม แต่ละจุดที่ต้องเตรียมการไม่เหมือนกัน แต่ก็สามารถมาร่วมรับรู้ รับทราบ และประสานงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกัน และหากข้อมูลใดมีประโยชน์ ก็สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในเตรียมการนั้น ๆ ของแต่ละกลุ่มได้ เมื่อมองเช่นนี้ ก็จะไม่มีการแบ่งแยก เปรียบเทียบ ความคิดที่จะคอยยุแหย่ให้เกิดอคติกับกลุ่มต่าง ๆ ก็จะน้อยลง มองเห็นการทำงานของแต่ละกลุ่มด้วยความเข้าใจ ซึ่งก็เป็นการสร้างเกราะป้องกันความทุกข์จากความคิดได้ในระดับหนึ่งด้วย 

ก็ด้วยความเห็นที่ว่า .... 
ทุกคนทำงานเดียวกัน คืองานเรื่องของภัยพิบัติ....นั่นเอง


........................



ดังนั้น ในส่วนของการเตรียมการส่วนอื่น ๆ กลุ่มอื่น ๆ ที่มีรูปแบบเฉพาะของกลุ่มนั้น ๆ พี่สุดใจคงไม่ขอกล่าวถึง เพราะเป็นการทำหน้าที่ที่ถูกต้องสำหรับกลุ่มงานเตรียมการเรื่องของภัยพิบัติกลุ่มนั้น ๆ อยู่แล้ว แต่ก็คงขอกล่าวถึงโครงการเฉพาะกิจของระบบต่างดวงดาว ที่ได้มาเตรียมการวางโครงสร้างไว้ล่วงหน้านานแล้วเท่านั้น

เพราะในยุคนี้ เป็นยุคที่วิทยาศาสตร์เจริญมาก ดังนั้น การที่มนุษย์ต่างดาว จะนำสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาให้มนุษย์โลกได้รับรู้ในเรื่องของอุปกรณ์ในการช่วยเหลือนั้น อาจจะล้ำหน้าเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจได้ แต่ถึงหากบอกไปทั้งหมด มนุษย์ก็มิอาจเข้าใจได้อยู่ดี จึงต้องนำมาให้เห็นเฉพาะในสิ่งที่มนุษย์พอสามารถเทียบเคียงได้กับวิทยาศาสตร์ที่มนุษย์เคยพบเจอมาแล้ว และพอที่จะนำไปพิจารณาดูว่า เป็นไปได้หรือไม่เท่านั้น

อย่างเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยา ต้องสู้รบกับพม่านั้น ในยุคที่วิทยาศาสตร์ยังไม่เจริญ ถ้ามีคนบอกว่า ไม่ต้องยกทัพไปรบกับพม่าหรอก เดี๋ยวจะเอาเครื่องบินไปทิ้งระเบิดตรงจุดที่ข้าศึกอยู่ก็ตายหมดแล้ว คนยุคนั้นก็คงมองหน้า แล้วคิดว่าบ้าหรือเปล่าเอาเรื่องไร้สาระมาพูด ก็เพราะเขาไม่สามารถนำสิ่งอื่นที่พบเจอมาเทียบเคียงได้ ถ้าแค่พูดถึงรถยนต์ที่มาใช้แทนเกวียนก็ยังนึกไม่ออกแล้ว จะให้คิดว่าเหล็กบินได้ ก็เหลือวิสัยที่จะนึก

แต่ถ้ามาในยุคนี้ เรื่องที่จะให้ยกทัพใช้ดาบไปสู้รบกัน ก็แทบจะนึกไม่ได้เหมือนกัน เพราะจะใช้แต่รถถัง เครื่องบินทิ้งระเบิด ยิงขีปนาวุธปรมณูข้ามประเทศด้วยซ้ำ นี่คือการพัฒนาเทคโนโลยีก้าวล้ำขึ้นไปเรื่อย ๆ จนแทบจะไม่มีขอบเขตจำกัดอยู่แล้ว ดังนั้น ใครที่ครอบครองเทคโนโลยี จึงมีอำนาจเหนือกว่าประเทศที่ไม่มีเทคโนโลยี โอกาสที่จะเบียดเบียน เอารัดเอาเปรียบประเทศด้อยกว่าย่อมมีอยู่มาก หากผู้นำประเทศนั้นไม่มีศีลธรรม จริยธรรมเพียงพอ 

ดังนั้น การยกทัพไปรบกันด้วยดาบ ด้วยม้า ด้วยช้าง ก็ไม่มีให้เห็นอีกในยุคปัจจุบัน 


ที่กล่าวมานี้ ก็เพื่อที่จะให้ทราบว่า มนุษย์ต่างดาวที่มาบอกว่า หากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจะนำเทคโนโลยีมาให้ เพื่อให้มนุษย์โลกช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจานบินที่จะนำมาให้ใช้ในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นใยแก้วกันรังสี ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ปลอดภัยในต่างมิติ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าปรับอุณหภูมิได้ อาหารในรูปแบบพลังงานเพื่อการดำรงชีพ หรือพลังงานในรูปแบบอื่น ๆ อุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสารทำให้สามารถมองเห็นภาพสถานการณ์ต่าง ๆ ทั่วโลกได้ด้วยตาเนื้อ การเห็นล่วงหน้า การเห็นอดีต การเดินทางโดยผ่านมิติ หรือการเดินทะลุกำแพงสิ่งกีดขวางอื่น ๆ ได้ การเดินบนน้ำ การหายตัวด้วยการสลายมวลสาร ไปประกอบกันใหม่ยังจุดหมายปลายทาง เหมือนแฟ๊กซ์ของเรา หรือเดินบนน้ำ เดินในอากาศ เป็นไปได้ทั้งสิ้น แม้แต่การใช้พลังธรรมชาติรักษาอาการต่าง ๆ ให้หายโดยฉับพลัน หรืออุปกรณ์การเชื่อมต่อกระดูกของผู้ประสบภัยโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นในยุคของภัยพิบัตินั้น หากได้รับการบอกกล่าวจากมนุษย์ต่างดาวเช่นนี้ ก็ย่อมเป็นเรื่องที่เหลือวิสัยที่มนุษย์จะเชื่อได้เช่นกัน

นั่นก็เพราะว่า วิทยาศาสตร์ของเรายังไปไม่ถึง การเทียบเคียงจึงทำได้ยาก การที่จะเห็นว่านำเรื่องไร้สาระมากล่าวให้ฟัง จึงมีมากตามไปด้วย

เหมือนเราเจริญอยู่ตอนนี้ แล้วไปบอกคนสมัยก่อนว่า สามารถเดินทางจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ โดยใช้เวลา 1 - 2 ชั่วโมงเท่านั้น คนยุคนั้นเขาก็เชื่อเราไม่ได้เหมือนกัน เพราะเขาต้องเดินด้วยเท้าเป็นเวลานับเดือน นั่นก็ เพราะเขาไม่เคยเห็นเครื่องบิน ไม่เคยเห็นรถยนต์ เห็นเฉพาะช้าง กับม้าเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องทุ่นแรงนำพาไปได้ จึงเหลือวิสัยที่จะเทียบเคียง 

แต่สิ่งที่คนสมัยนั้นคิดว่าเป็นไปไม่ได้ นึกไม่ออก กลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนในสมัยนี้ไปแล้ว การเดินทางไป กลับ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ในวันเดียว ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป เพราะอาศัยเครื่องทุ่นแรงที่เป็นเครื่องบิน หรือรถยนต์ ดังนั้นสิ่งที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ในสมัยนั้น ก็กลับเป็นไปได้ง่ายมากของคนสมัยนี้ เมื่อเวลาผ่านพ้นไปนั่นเอง


ก็ไม่ต่างกับเราตอนนี้ เพราะมนุษย์ต่างดาว ที่มีความเจริญก้าวหน้าไปมากกว่าเราเป็นร้อยเท่า เขาได้พัฒนาเทคโนโลยีก้าวล้ำไปจนเรานึกไม่ถึง เมื่อเขาเดินทางผ่านมิติเวลา นำจานบินเข้าออกโลกใบนี้เป็นว่าเล่น เดี๋ยวมา เดี๋ยวกลับ โดยใช้ระยะเวลาไม่นานนั้น เราควรแปลกใจ และคิดว่าเป็นไปไม่ได้ .... จริง ๆ หรือ ?

เพราะก็คงไม่ต่างอะไรกับอีก 400 ปีข้างหน้า เราก็อาจจะพัฒนาไปถึงจุดนั้น และก็สามารถเดินทางข้ามมิติเวลาไปยังกาแลคซี่อื่น ๆ ได้เช่นกัน เพราะเมื่อถึงเวลานั้น คนรุ่นนั้นก็จะไม่แปลกใจ เพราะเป็นเรื่องปกติของเขา เหมือนกับเราที่ไม่แปลกใจ ที่มีเครื่องบินใช้ในปัจจุบัน


..............................


ดังนั้น มนุษย์ต่างดาว จึงต้องใช้เวลาในการที่จะค่อย ๆ เปิดเผยอุปกรณ์ทีละชิ้น ทำตัวอย่างให้เห็น นำมาให้ดู แล้วอธิบายเทียบเคียงกับวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันให้เข้าใจไปทีละเรื่อง ทีละเรื่อง จนมนุษย์ค่อย ๆ ทำความเข้าใจ ยอมรับ และทำความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีเหล่านั้น จนสามารถเข้าใจได้ว่า เทคโนโลยีเหล่านี้มีจริง และสามารถใช้งานได้จริงในเวลาที่เกิดภัยพิบัติขึ้น

เพราะมนุษย์ต่างดาวมีความเข้าใจในสิ่งที่มนุษย์โลกยังไม่เข้าใจ เหมือนที่เราเคยมองคนสมัยก่อนที่เขายังไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน เขาไม่ได้มองว่ามีใครโง่ ใครฉลาด แต่เขามองด้วยความเข้าใจ ว่าวิวัฒนาการของมนุษย์โลกยังไปไม่ถึง นั่นเอง

ดังนั้น การที่จะต้องฝึกกลุ่มบุคคลมารองรับการเรียนรู้อุปกรณ์เหล่านี้ จึงเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมการค่อนข้างซับซ้อน และเป็นการเข้าใจยากสำหรับคนโดยทั่วไป เพราะยังไม่มีสิ่งใดเทียบเคียงให้เห็นได้ ดังนั้นการ แจ้งเพื่อทราบ จึงเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด เพราะเมื่อเหตุการณ์นั้นยังไม่เกิดขึ้น ท่านก็แค่รับทราบไว้เฉย ๆ หากเมื่อมีการปรากฏขึ้นจริงดังที่มนุษย์ต่างดาวได้เคยแจ้งเพื่อทราบไว้ในเวลาที่เกิดวิกฤติการณ์ข้างหน้า ท่านจะได้ไม่แปลกใจ เพราะเขาได้แจ้งไว้นานแล้ว

ก็เป็นการบอกกล่าวในแผนงานส่วนหนึ่งของโครงการ ที่
กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) รับทราบมาจากระบบ ที่ถูกถ่ายทอดโดยมนุษย์จากดวงดาวอื่น ซึ่งรับผิดชอบในโครงการนี้